วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บันทึกประจำวัน วันที่ 18 พฤสจิกายน 2558

บันทึกประจำวัน  วันที่ 18 พฤศจิกายน  2558
  เข้าศูนย์ กศน.อำเภอเมืองลำปาง ร่วมบรมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนการปฏิบัติงาน ปีงบประมาณ 2558  ระหว่างวันที่ 18 -19 พฤศจิกายน 2558  ณ ห้องประชุม กศน.อำเภอเมืองลำปาง
ผุ้อำนวยการ กศน.อำเภอเมืองลำปาง ดร.ณราวัลย์  นันต๊ะภูมิ  ประธานเปิดโครงการการอบรม ได้กล่าวถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์
นางสาวยุรัยยา  อินทรวิจิตร  ได้ชี้แจงเรื่องการจัดทำสรุปการทำงานในปี 2558 ระหว่างเดือน ตุลาคม 2557 - กันยายน  2558
นางสาวสุมลมาลย์  ก้าวกสิกรรม ได้สรุปผลการดำเนินงาน ปี 2558  โครงการจำนวนทั้งหมด มี 28 โครงการ  และนำเสนองานของกลุ่มจัด การศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มอำนวยการ งานธุรการ งานการเงิน งานพัสดุ  งานอาคารสถานที่ ได้รวบรวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆในการดำเนินงานที่ผ่านมา  และร่วมกัน SWOT ของสถานศึกษา จากนั้นให้กศน.ตำบล นำเสนองาน เริ่มต้นจาก กศน.ตำบลทุ่งฝาย และตำบลนิคม และตามที่ได้กำหนดไว้ ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย ท้ายสุดของการนำเสนอ ผอ.กศน.อำเภอเมืองได้สรุปแนวทางการดำเนินงาน ตามนโยบายของเลขาธิการ กศน.นายนายสุรพงษ์   จำจด  ทบทวนให้ผูเข้ารับการอบรมทราบอีกครั้ง  1) ครูทุกประเภท เมื่อสอน การศีกษาขั้นพื้นฐาน ถือเป็น "ครูประจำกลุ่ม" ทั้งหมด กศน.อำเภอ ต้องประกาศจัดตั้งกลุ่มทุกภาคเรียน แล้วจึงแต่งตั้ง ครูประจากลุ่มที่เป็นข้าราชการครู กศน. ได้หารือกรมบัญชีกลางแล้ว แม้จะสอนนอกเวลาราชการ เบิกไม่ได้ เพราะเป็นบทบาทหน้าที่โดยตรง ให้สอนโดย ไม่เบิกให้ครูทุกประเภท รวมทั้งครู ปวช.ศฝช, วิทยากรนาชมของ ศว. ทำคำรับรองฯกับ กศน.อำเภอ และ กศน.อำเภอ ทำคำรับรองฯกับ กศน.จังหวัด
      2) จำนวน นักศึกษาในแต่ละกลุ่ม ปรับเปลี่ยนจากประถม 35 .ต้น-ปลาย 40 เป็นกลุ่มละไม่เกิน 40 คนเท่ากัน ทุกระดับ
      3) ครู กศน.ตำบล ที่ทำหน้าที่หัวหน้า กศน.ตำบล รวมทั้งครู ศรช.ที่ทำหน้าที่หัวหน้า กศน.ตำบล ให้สอน การศีกษาขั้นพื้นฐานกลุ่มเดียว แต่ให้ประสานงาน กศ.ต่อเนื่องและ การศีกษาตามอัธยาศัย ให้รวมกลุ่มเป้าหมาย ได้ 100 คน ส่วนครู ศรช.ที่สอน การศีกษาขั้นพื้นฐานอย่างเดียวให้สอนได้ถึง 3-4 กลุ่ม
      4) ครูอาสาสมัคร เน้นผู้ไม่รู้หนังสือ ไม่น้อยกว่า 35 คน รวมปีละไม่น้อยกว่า 70 คน (70 คนนี้ไม่ซ้ำกัน เพราะหลักสูตรผู้ไม่รู้หนังสือเป็นหลักสูตร 200 ชม.จบ แต่ถ้ามีผู้ไม่รู้หนังสือไม่ครบ 35 คน ให้สอนระดับประถม ม.ต้น-ปลาย ด้วย ให้รวมเป็นภาคเรียนละ 60 คน แต่ 60 คนในแต่ละภาคอาจเป็นคนซ้ำกันเพราะระดับประถม ม.ต้น ม.ปลาย เป็นหลักสูตร 2 ปี ไม่จบในภาคเรียนเดียว)
     5) ครูประจำกลุ่มอื่นๆ (ทหาร/เรือนจา-สถานพินิจ/อสม.) รับผิดชอบ 1 กลุ่ม ไม่เกิน 40 คน เบิกจ่าย ค่าใช้จ่ายเป็นรายหัว
     6) ครู ศศช.รับผิดชอบ นักศึกษากลุ่มละ 40 คน ครู ศรช.ห้ามเบิกค่าตอบแทนครูประจากลุ่มอื่นอีก
     7) โครงการส่งเสริมการรู้หนังสือสาหรับคนไทย ( อายุ 15-59 ปี ) กลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ 80,000 คน ใช้หลักสูตรการรู้หนังสือไทย พุทธศักราช 2547 เป็นหลักสูตรแกนกลาง ซึ่งเป็นหลักสูตร 200 ชั่วโมง มี 12 สภาพ มีคาให้เรียน 988 คำ และสถานศึกษาสามารถพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาสาหรับผู้ไม่รู้หนังสือ มาใช้ควบคู่กับหลักสูตร แกนกลางควรใช้ข้อมูลผู้ไม่รู้หนังสือจาก จปฐ.วิธีการเรียนรู้ ให้ใช้วิธี แจกลูกสะกดคำ
งบผู้ไม่รู้หนังสือ เป็นงบดาเนินงาน สอนได้ 3 รูปแบบ - จ้างสอน ( 500 บาท/หัว )
- ให้ครูอาสาฯ ครู ศศช. หรือครู กศน. อื่น สอน
- จับคู่สอน เช่น สามีสอนภรรยา, นศ.กศ.ขั้นพื้นฐานสอนได้ กพช. (ในกรณีที่ครูหรือ นักศึกษา กศน. สอนเอง ให้นาเงิน 500 บาทไปเบิกจ่ายอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการสอนผู้ไม่รู้หนังสือ ) ถ้ารู้หนังสือ 800 คำ ผ่านการวัดการประเมิน ให้วุฒิบัตรลงนามโดย ผอ.กศน.อาเภอ (กลุ่มพัฒนา กศน.จะออกแบบให้) กศน.ตาบลต้องทำแผนการจัดสอนผู้ไม่รู้หนังสือ (ระบุ ชื่อผู้ไม่รู้หนังสือ-รูปแบบการสอน-ชื่อผู้สอน-วันเริ่มสอน-วิธีการประเมิน และเตรียมช่องไว้เติม ผลการประเมิน-วุฒิบัตร) ให้เสร็จภายใน ม..59 
      8) การศีกษาต่อเนื่อง 4 ประเภท (พัฒนาอาชีพ, พัฒนาทักษะชีวิต, พัฒนาสังคมและชุมชน, เทคโนโลยีที่เหมาะสม) จัดได้ 3 วิธี - กลุ่มสนใจ (ไม่เกิน 30 ชั่วโมง ไม่มีค่าวัสดุ) - หลักสูตรระยะสั้น (มากกว่า 30 ชั่วโมง) - ฝึกอบรม (กำาลังขอทำความตกลงกับกรมบัญชีกลาง) โดย ประเภทพัฒนาอาชีพ ให้จัดได้ 2 วิธีคือ กลุ่มสนใจ กับหลักสูตรระยะสั้น ส่วนอีก 3 ประเภท จัดได้ 3 วิธี ใบสำคัญวิชาชีพ ออกแบบ/ทำเองได้ ควรให้ผู้ประกอบการ/แหล่งเรียนรู้ ร่วมลงนามในใบสำคัญด้วย
     9) การศึกษาตามอัธยาศัย แหล่งเรียนรู้ชุมชน อย่างน้อยตำาบลละ 2 แห่ง
    10) บ้านหนังสือชุมชน ให้แต่ละตำบลกำหนดเป้าเอง โดยเลือกบ้านหนังสือที่ - ยังมีการดาเนินการต่อเนื่อง - มีพื้นที่ชัดเจน - มีรูปแบบชัดเจนเป็นสัดส่วน (รีบแจ้งเพิ่มจากที่เคยสำรวจส่งแล้วได้)
    11) โครงการบรรณสัญจร กำหนดเป้าเป็นจานวนหนังสือ (เล่ม) ที่จะรับบริจาค เป้าทั้งประเทศ 10 ล้านเล่ม (องค์การค้าฯ จะบริจาคหนังสือให้ กศน. 1 ล้านเล่ม)
    12) โครงการศูนย์ข้อมูล ฐานข้อมูล กศน.ตำบล ต้องทาทุกตำบล งบประมาณตำบลละ 3,000 บาท
    13) โครงการกีฬา ให้จัดแข่งขันระดับตำบล/อำเภอ/จังหวัด/ภาค ส่วนระดับประเทศจะหารืออีกครั้ง ประเภทกีฬาจัดตามความเหมาะสม
   14) โครงการจัดสอนภาษาอังกฤษ ให้รับสมัครผู้เรียน และรับสมัครอาสาสมัครผู้สอน เป็นสาขา ๆ เช่น มัคคุเทศก์, รถรับจ้าง, ร้านนวดแผนไทย จัดในพื้นที่ - พื้นที่ที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ - เป็นเมืองท่องเที่ยว หรือมีชาวต่างชาติเข้ามามาก เช่น อยุธยา - จังหวัดทั่วไป ใช้ครูคนไทย สอนภาษาอังกฤษให้คนไทย จะสื่อสารกันได้ดีกว่า
   15) โครงการส่งเสริมกิจกรรมลูกเสือ/ยุวกาชาด ทุกอำเภอต้องตั้งกองลูกเสืออย่างน้อย 1 กอง (อย่างน้อย 4 หมู่ ๆ ละ 8 คน) และ/หรือ ชมรมยุวกาชาด 40 คน แล้วอบรมในเรื่อง - การปฐมพยาบาล (ประสานโรงพยาบาล)
- การดูแลผู้สูงอายุ - การป้อกันภัยพิบัติ - องค์ความรู้ตามรอยพระยุคลบาท - การอบรมลูกเสือ ต้องทาตามหลักสูตรลูกเสือ
    16) โครงการสอนทำบัญชีครัวเรือน (ทุกตำบลต้องทำ) - นักศึกษา.กศน.ทุกคน ต้องทำบัญชีครัวเรือน - ครู กศน.ทุกคน ต้องทำบัญชีครัวเรือน - ประชาชนทั่วไป ทุกหมู่บ้าน ๆ ละ ..... คน (ให้กำหนด) ทำบัญชีแล้วต้องวิเคราะห์ว่ารายรับรายจ่ายเหมาะสมหรือไม่อย่างไร และต่อเนื่องด้วยโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสาหรับผู้ที่ผ่านการอบรมการทาบัญชี ครัวเรือนแล้ว (ให้สอดแทรกเรื่องการทำบัญชีครัวเรือน ในการจัดการศึกษาต่อเนื่อง วิชาชีพต่าง ๆ ด้วย
     17)โครงการจัดตั้งหมู่บ้านเรียนรู้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ทาทุกตำบล ๆ ละ 1 หมู่บ้าน ( หมู่บ้านที่ในหลวงทรงงาน หรือหมู่บ้านใกล้เคียง) หมู่บ้านละ 2 คนงบประมาณคนละ 400 บาท (หมู่บ้านละ 800 บาท)ให้ 2 คนนี้เรียนรู้กิจกรรมที่ทรงงานในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง ว่าทรงงานเรื่องอะไรทำอย่างไร (เช่นเรื่องการแกล้งดินเพื่อแก้ปัญหาดินเปรี้ยว) จนอธิบายได้ กลั่นกรองเป็นองค์ความรู้ ตรวจสอบกับ กอ.รมน.จังหวัด ขึ้นเว็บไซต์ แล้วเป็นแกนนำเผยแพร่แก่คนทั้งหมู่บ้านด้วยวิธีการต่าง ๆ (2 คนนี้อาจเป็นลูกเสือ/ยุวกาชาด กศน.) 
     18)จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยและการเลือกตั้งประจำตำบล ให้ครบทุกตำบล มีภารกิจเร่งด่วน คือทาประชามติรัฐธรรมนูญ โดย กศน.ตำบลเป็นศูนย์ประสานงาน มีงบประมาณพอสมควร
     19) โครงการทวิศึกษา (เรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษา และมัธยมศึกษาตอนปลาย) เพื่อเพิ่มจานวนนักศึกษาสายอาชีพ ผลิตแรงงานรองรับตลาดแรงงาน ผู้เรียนจบได้วุฒิ 2 ใบ คือ ม.ปลายและประกาศนียบัตรวิชาชีพ นำร่องในภาค 1/2558 จานวน 24 แห่ง ใน 22 จังหวัดแล้ว สถานศึกษาที่จะจัดต้องไปลงนามความร่วมกับ สถานศึกษาสังกัด สอศ. ใช้เวลาเรียน 3 ปี เป็นโครงการสาหรับผู้เรียนที่ยังไม่มีงานทำ (ถ้าเป็น ปวช. ต้องทำงานอยู่ในสถานประกอบการแล้วเท่านั้น ต้องตรวจสอบ) ให้อยู่ในแผนฯอำเภอ ไม่อยู่ในแผนฯตำบล
    20) โครงกาปลูกป่าสร้างรายได้ ในปี 2559 จะขยายกลุ่มเป้าหมาย 1,400 กว่าราย 4,000 ไร่ (ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลูกไม้ 5 ระดับคือ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้พุ่มเตี้ย ไม้เรี่ยดิน หัวใต้ดิน)
   22) การศึกษาทางไกล ควรให้ครูอาสาฯเป็นที่ปรึกษา นับรายหัวอยู่ในแผนฯอำเภอ ไม่อยู่ในแผนฯตำบล
   23) โครงการจัดหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุกระทรวงศึกษาธิการ - หลักสูตรระยะสั้นการดูแลผู้สูงอายุ 420 ชม. จังหวัดละ 1 อำเภอๆ ละ 1 ห้อง ๆ ละ 20 คน จบแล้วสอบเพื่อขึ้นทะเบียนผู้ประกอบอาชีพการดูแลผู้สูงอายุได้
   24) หลักสูตรระยะสั้นการดูแลผู้สูงอายุ 70 ชม. จังหวัดละ 1 อำเภอ ๆ ละ 1 ห้อง ๆ ละ 20 คน โครงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสาหรับผู้สูงอายุ ทุกอำเภอ ๆ ละ 5 ตำบล ๆ ละ 20 คน ให้ทุกอำเภอตั้งชมรมผู้สูงอายุในระดับตำบล/อำเภอ ให้อยู่ที่ กศน.ตำบล
    25) แผนฯตำบล ไม่ต้องทำเป็นรูปเล่ม แต่มีฐานข้อมูล เน้นข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย แผนฯอำเภอ=รวมแผนฯตำบล แผนฯจังหวัด=รวมแผนฯอำเภอ แผนฯตำบลไม่ต้องกรอกงบประมาณเงินอุดหนุน กรอกเฉพาะแผนฯอำเภอ/จังหวัด (มีฐานข้อมูลของตำบล)
ร่วมอบรมโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนการปฏิบัติงาน ปีงบประมาณ 2558 
ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ร่วมประชุม
 

บรรยากาศของการอบรมตามโครงการ


1 ความคิดเห็น:

  1. ดีมากคะ เป็นการรับทราบข้อมุูลและทำความเข้าใจในเรื่องการจัดทำแผนปฎิบัติการ กศน.ตำบล
    ปี 59

    ตอบลบ